บริษัท ไทยสมายล์บัส จํากัด
คําประกาศนโยบายสิทธิคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
(Personal Data Protection Act : PDPA 2019)
บริษัท ไทย สมายล์ บัส จํากัด (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และมาตรการในการกำกับ ดูแล และบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ให้เป็นไปตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กฎหมาย และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน และโดยเฉพาะผู้ที่ได้ลงทะเบียนใช้บริการกับบริษัท (“ผู้ลงทะเบียน”) และได้ใช้บริการของบริษัท ซึ่งครอบคลุมบริการต่างๆ บนแพลตฟอร์มเทคโนโลยี หรือเว็บไซต์ (“บริการ”) อันเป็นส่วนหนึ่งของบริการขนส่งสาธารณะของบริษัท ดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลส่วนบุคคล
1.1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจมีการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
1.1.1. “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
1.1.2. “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เช่น การแสกนลายนิ้วมือ การ แสกนใบหน้า เป็นต้น หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทํานองเดียวกันตามที่คณะ กรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกําหนด
1.2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจมีการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
1.2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป (personal data) ได้แก่
1.2.1.1 ข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปี สถานที่เกิด อายุ เพศ
1.2.1.2. สถานภาพสมรส หมายเลขบัตรประจําตัวประชาชน และ/หรือหนังสือเดินทาง และ/หรือ สําเนาหนังสือดังกล่าวข้างต้น
1.2.1.3. ข้อมูลช่องทางการติดต่อ ได้แก่ ที่อยู่อาศัย หมายเลขโทรศัพท์ line id ช่องทางการติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์ สถานที่ทํางาน
1.2.1.4. ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ email ip-address ประเภทของBrowser และ Cookies ประวัติการสนทนาในแอปพลิเคชั่นต่างๆ
1.2.1.5. ข้อมูลที่ให้ไว้เมื่อมีการติดต่อ หรือร่วมกิจกรรมใดๆ กับบริษัท ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ได้แก่ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา เป็นต้น
2. การเคารพสิทธิในความเป็นส่วนบุคคล
บริษัทเคารพสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และตระหนักดีว่าเจ้าของข้อมูลย่อมมีความประสงค์ที่จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคลของตน ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมา จะถูกนําไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยบริษัทมีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนําข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
3. การเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะทำการเก็บและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง และการนําข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน และจะนำข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปใช้หรือเปิดเผยเท่าที่จําเป็นตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทระบุไว้โดยแจ้งชัด ทั้งนี้ บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เช่น จากสื่อสาธารณะ ต่าง ๆ เฉพาะในกรณีที่มีความจําเป็นด้วยวิธีการตามที่กฎหมายกําหนด
4. วัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ลงทะเบียน
4.1.เพื่อประโยชน์ในการจัดหาหรือจําหน่ายผลิตภัณฑ์ การให้หรือรับบริการในรูปแบบต่างๆ ของบริษัท
4.2.เพื่อการทําธุรกรรมทางการเงิน ภาษี และธุรกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญาของบริษัท
4.3.เพื่อการศึกษา การค้นคว้า หรือการวิจัย
4.4.เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพในการดําเนินงาน การให้บริการ และการดําเนินการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของ บริษัท
4.5.เพื่อการศึกษา วิเคราะห์และติดตามการใช้บริการทางแพลตฟอร์มเทคโนโลยี หรือเว็บไซต์ ตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบย้อนหลังในกรณีที่เกิดปัญหาในการใช้งาน
4.6.เพื่อการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท
4.7.เพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมการเข้าถึง การป้องกันและการระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของ ผู้ โดยสารหรือบุคคลอื่น การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ และเพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาความปลอดภัยของ บริเวณอาคาร ภายในอาคาร และพื้นที่ของบริษัท
4.8.เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัท ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
4.9.ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทดําเนินการเก็บและรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้น ถือเป็นข้อมูลที่จําเป็นในการปฏิบัติตามสัญญา หรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ หากผู้ลงทะเบียนไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จําเป็นดังกล่าว อาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย หรืออาจเป็นเหตุทำให้บริษัทไม่สามารถบริหารหรือจัดการสัญญา หรืออํานวยความสะดวกในการดําเนินการต่างๆ ให้ได้
4.10.ทั้งนี้ หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ โดยจะดําเนินการตามที่กฎหมายกําหนด รวมถึงจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน
5. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบบุคคลของผู้ลงทะเบียนเป็นระยะเวลาเท่าที่จําเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในคําประกาศฉบับนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนด ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับผู้ลงทะเบียนในฐานะลูกค้าของบริษัท และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมายต่อไป ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี
6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
บริษัทกําหนดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท (IT Policy) เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทําลาย ใช้ ดัดแปลง แก้ไขหรือมิให้มีการนําข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7. สิทธิ์ของผู้ลงทะเบียน
ผู้ลงทะเบียนมีฐานะเป็น “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject)” และในกรณีที่ผู้ลงทะเบียนตกลงยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท ผู้ลงทะเบียนต้องอ่านและพิจารณาข้อกำหนด วัตถุประสงค์ และข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด รอบคอบก่อน ในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้ลงทะเบียนมีสิทธิตามที่กําหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิต่างๆ ดังต่อไปนี้
7.1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม : ผู้ลงทะเบียนในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัท เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจํากัดโดยกฎหมาย ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ ผู้ ลงทะเบียนได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
7.2. สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล : ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสําเนาข้อมูลของผู้ลงทะเบียนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ผู้ลงทะเบียนไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้
7.3. สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล : ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของ ผู้ลงทะเบียนที่ให้ไว้กับบริษัท ได้ตามที่กฎหมายกําหนด
7.4.สิทธิในการคัดค้านการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล : ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวผู้ลงทะเบียนสําหรับกรณีการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกําหนด
7.5. สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล : ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทําลายหรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ตามที่กฎหมายกําาหนด
7.6. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล : ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของผู้ลงทะเบียนได้ตามที่กฎหมายกําหนด
7.7. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง : กรณีที่ผู้ลงทะเบียนเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทมีอยู่นั้นไม่ถูกต้อง หรือ ผู้ลงทะเบียนเองมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ลงทะเบียน เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.8. สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ลงทะเบียน : บริษัทอาจมีการพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของ ผู้ลงทะเบียนจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม
7.9. สิทธิในการร้องเรียน : ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้
7.10 กรณีผู้ลงทะเบียนในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคําร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 : เมื่อบริษัทได้รับคําร้องขอใช้สิทธิตามกฎหมายดังกล่าว บริษัทจะพิจารณาดำเนินการตามที่ร้องขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธ หรือไม่ดำเนินการตาม คําร้องขอดังกล่าวได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ผู้ลงทะเบียนยอมรับว่าในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีข้อจํากัด โดยเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะบางรายการ อาจส่งผลให้ไม่สามารถได้รับบริการจากบริษัทได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบริษัทอาจไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้ลงทะเบียนซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือให้บริการใด ๆ ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่บริษัทต้องการ
8. การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น
ในกรณีที่บริษัทมีความจําเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ลงทะเบียนให้แก่บริษัทในกลุ่ม บริษัทในเครือ หรือบุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่เป็นพันธมิตรทางการตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งทำงานร่วมกับบริษัท ในการจัดหาผลิตภัณฑ์และกรให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ หรือตามความจําเป็น ตามสมควรในการบังคับใช้ข้อกําหนดและเงื่อนไขของบริษัท หรือกรณีที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมบริษัท หรือการขายกิจการ ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ลงทะเบียนให้กับหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานภาครัฐ ตาม กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง หรือตามคําสั่งศาล หรือตามคําสั่งเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจ โดยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ ทั้งในรูปเอกสารและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งในระหว่างการส่งผ่านข้อมูลทุกขั้นตอน ทั้งนี้ ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทจะดําเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กําหนดไว้อย่างเคร่งครัด
9. ข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งาน
เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทมีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ลงทะเบียนที่ลงทะเบียนไว้กับบริษัท โดยบริษัทจะต้องแจ้งและเปิดเผยหลักการ ข้อกำหนด และวัตถุประสงค์ในประกาศฉบับนี้ เพื่อให้ผู้ลงทะเบียนได้ศึกษาและพิจารณาก่อนจะให้ความยินยอมในข้อมูลส่วนบุคคลของตนขณะลงทะเบียนข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทจะดําเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล พ.ศ. 2562 กําหนดไว้อย่างเคร่งครัด
9.1. การใช้บริการบางประเภท ผู้ลงทะเบียนจะต้องให้ข้อมูลที่จําเป็นสําหรับบริการนั้นๆ กับบริษัท จึงจะสามารถใช้ บริการประเภทนั้นๆ ได้ หากผู้ลงทะเบียนไม่ต้องการให้ หรือไม่สามารถให้ข้อมูลที่จําเป็นกับบริษัทได้ บริษัทสงวนสิทธิที่จะไม่ให้บริการประเภทที่ต้องการข้อมูลนั้นๆ กับผู้ลงทะเบียน
9.2. ผู้ลงทะเบียนยินยอม ตกลง และรับทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลต่างๆ ที่ให้กับบริษัท และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการนั้น จะมีการใช้ และเปิดเผย โดยบริษัท เพื่อกิจกรรมดังนี้
9.2.1.การสมัครใช้บริการหรือรับสิทธิประโยชน์ใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการให้บริการ
9.2.2.การบริหารจัดการทั่วไป การปฏิบัติงานและการบํารุงรักษาระบบการชําระเงิน รวมทั้งการตรวจสอบบัญชี ของบริษัท
9.2.3.การออกแบบและปรับปรุงบริการที่มีอยู่ หรือที่จะมีในอนาคตของบริษัท บริษัทลูก บริษัทในเครือ บริษัทที่เกี่ยวข้อง บริษัทที่เป็นพันธมิตร รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่ควบคุมหรือถูกควบคุมทั้งทางตรงและทางอ้อมกับบริษัทให้กับผู้ลงทะเบียน
9.2.4. การส่งเสริมการขายสินค้า และ/หรือบริการ หรือการให้สิทธิประโยชน์ใดๆ แก่ผู้ลงทะเบียนของบริษัท กลุ่มบริษัท และ/หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท โดยกลุ่มบริษัท และ/หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทอาจมีขั้นตอนการประมวลผล เพื่อที่จะทำให้บริษัทสามารถเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของผู้ลงทะเบียนได้ดีขึ้น และเพื่อสามารถเสนอสินค้า และ/หรือบริการอื่นๆ ที่สนองตอบความต้องการของผู้ลงทะเบียน
9.2.5. การส่งเสริมการขายสินค้า และ/หรือบริการ หรือการให้สิทธิประโยชน์ใดๆ แก่ผู้ลงทะเบียนของบริษัท กลุ่มบริษัท และ/หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท โดยกลุ่มบริษัท และ/หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทอาจมีขั้นตอนการประมวลผลเพื่อที่จะทําให้บริษัทสามารถเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของผู้ลงทะเบียนได้ดีขึ้น และเพื่อสามารถเสนอสินค้า และ/หรือบริการอื่นๆ ที่สนองตอบความต้องการของผู้ลงทะเบียนได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทสามารถคัดเลือกสินค้า และ/หรือบริการได้ตรงกับความสนใจของผู้ลงทะเบียนจากพันธมิตรทางธุรกิจที่บริษัทคัดเลือกเข้ามา
9.2.6. การสื่อสารระหว่างบริษัทและผู้ลงทะเบียน
9.2.7. การตรวจสอบข้อร้องเรียน ข้อมูลการใช้งานที่ต้องสงสัย และการปรับปรุงการให้บริการ
9.2.8. การป้องกันและตรวจสอบอาชญากรรม
9.2.9. การเปิดเผยตามที่กฎหมายระบุไว้
9.2.10. การใช้เป็นแหล่งข้อมูลสําหรับระบบการขนส่งและบริการอื่นๆ โดยทั่วไป
9.3.ข้อมูลของผู้ลงทะเบียนที่อยู่กับบริษัทจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับและปกปิดเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทะเบียนยินยอมและตกลงว่า บริษัทอาจมีการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวไปยังหน่วยงาน ดังต่อไปนี้ ไม่ว่าจะอยู่ ภายในหรือภายนอกประเทศไทยก็ตาม
9.3.1.ผู้ดําเนินการกิจกรรมการส่งเสริมการขายหรือให้สิทธิประโยชน์ใดๆ แก่ผู้ลงทะเบียนซึ่งมีหน้าที่ต้องรักษา ความลับให้กับบริษัท
9.3.2.พนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานตํารวจ ศาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานตํารวจ ศาล หรือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบริษัทจําเป็นต้องปฏิบัติตามคําสั่งนั้น
9.3.3.ตัวแทน คู่สัญญา หรือผู้ให้บริการอื่น ซึ่งมีหน้าที่ต้องรักษาความลับให้กับบริษัทและเป็นผู้จัดหาการ บริหารจัดการ การสื่อสาร ระบบคอมพิวเตอร์ การชําระเงิน การประมวลผลข้อมูล หรือบริการอื่นๆ ให้กับ บริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินธุรกิจ (เช่น ตัวแทนตรวจสอบเครดิต เป็นต้น)
9.3.4.บุคคลอื่นซึ่งมีหน้าที่รักษาความลับให้บริษัท กลุ่มบริษัท และ/หรือพันธมิตรทางธุรกิจ
9.3.5. บุคคลใดก็ตามที่กลุ่มบริษัท และ/หรือพันธมิตรทางธุรกิจมีภาระผูกพันที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศที่มีการส่งข้อมูลไปถึง ทั้งนี้ การเปิดเผยดังกล่าวจะกระทําภายใต้หน่วยงานที่สมควรเท่านั้น
9.4.ผู้ลงทะเบียนมีสิทธิดังต่อไปนี้
9.4.1.สิทธิตรวจสอบว่าบริษัทได้จัดเก็บข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไว้หรือไม่ และสามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้
9.4.2.บอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรให้บริษัททําการแก้ไขข้อมูลของผู้ลงทะเบียนที่บริษัทจัดเก็บไว้ให้ถูกต้อง
9.4.3.สอบถามถึงนโยบายและข้อปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวและได้รับทราบถึงชนิดของข้อมูลที่ทางบริษัทได้จัดเก็บไว้
9.4.4.เรียกร้องให้บริษัทไม่นําข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการขายดังที่ได้กล่าวไว้ ในเงื่อนไขข้างต้น ซึ่งทางบริษัทจะหยุดการดําเนินการดังกล่าวในทันที โดยผู้ลงทะเบียนไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นในการเรียกร้องดังกล่าว
9.4.5. บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ลงทะเบียนในการขอเรียกดูข้อมูลที่บริษัทจัดเก็บไว้ ซึ่งข้อมูลการใช้งานจะได้รับการเก็บรักษาอย่างปลอดภัย โดย “ข้อมูลการใช้งาน” หมายถึง ข้อมูลที่บริษัทได้รับจากระบบ และ/หรือช่องทางอื่นๆ ที่มีการให้บริการของบริษัท หรือพันธมิตร
10. หน้าที่ของบริษัท
10.1. บริษัท มีฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) โดยมีอํานาจหน้าที่ “ตัดสินใจ” เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ลงทะเบียนที่ลงทะเบียนตามที่ได้เก็บรวบรวมไว้นั้น
10.2. บริษัทได้มีการดําเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดําเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการ เก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
10.3.บริษัทได้ประกาศนโยบายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ให้ผู้ลงทะเบียนทราบอย่างเปิดเผยก่อนการลงทะเบียน ดังนี้
10.3.1.บริษัท จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ลงทะเบียนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
10.3.2.บริษัทมีมาตรการรักษาความปลอดภัยและการรักษาความลับของข้อมูลที่รัดกุมตามมาตรฐานสากล เพื่อไม่ให้มีการรั่วไหล ถูกนําไปสวมรอย และการนําไปใช้ในทางที่ผิด
10.3.3.บริษัทจะต้องแจ้งจุดประสงค์ และระยะเวลาในการเก็บข้อมูล หรือแจ้งนโยบายการจัดเก็บข้อมูลเพื่อนําไป ใช้ทําอะไร และเก็บนานเท่าใด
10.3.4.บริษัทจะมีการเก็บข้อมูลโดยเป็นไปตามมาตรฐานและต้องเก็บเท่าที่จําเป็น เพื่อแสดงว่ามีการปฏิบัติตามข้อบังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างถูกต้อง
11. วิธีการติดต่อ
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ ผู้ลงทะเบียนที่ได้ลงทะเบียนไว้ โปรดติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
11.1. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) สถานที่ติดต่อ:41/327 ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160
12. การเปลี่ยนแปลงนโยบายและแนวปฏิบัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
12.1. บริษัทจะทําการพิจารณาทบทวนเงื่อนไขนโยบายบริษัทฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทจะแจ้งให้ทราบด้วยการเผยแพร่ผ่านการประกาศที่เหมาะสม ของบริษัท